6 วิธีรับมือกับมลภาวะทางทัศนคติลบ
![[Image: eSuIfq.md.png]](https://sv1.picz.in.th/images/2023/02/27/eSuIfq.md.png)
เป็นผู้ฟังที่ดี
รับฟังทุกความคิดเห็นและทุกปัญหา เพื่อการเข้าถึงแก่นแท้ของปัญหา และค้นหาทางแก้ไข ในขณะเดียวกันก็จงอย่าเอาคำพูดที่ไม่ดีจากปากเขา มาใส่ไว้ในใจเรา ไม่เอาจิตใจของตัวเองไป ไหลไปตามทัศนคติเชิงลบนั้นไปด้วย เป็นวิธีหนึ่งในการคลี่คลายทัศนคติเชิงลบให้ลดลงไปด้วย เพราะได้ปลดปล่อยทางการพูดคุยกัน
แนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง
เสนอแนะแนวทางที่ถูกต้อง ให้คนเหล่านั้นตัดสินใจ เรียกสั้น ๆ ว่าชี้ทางสว่างให้กับเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรคาดหวังการเปลี่ยนแปลงทันที เพราะการเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติของคน ๆ นึงนั้น อาจต้องใช้เวลา เพราะว่าบางคนถูกเพาะบ่ม ความคิดเชิงลบแบบนั้นๆ มาเป็นเวลานานครับ
รู้เวลารับ เวลารุก
ทัศนคติลบนั้นไม่ได้เงียบเป็นคลื่นใต้น้ำเสมอไป บางครั้งก็ออกมารุนแรง โผงผางแบบควบคุมได้ยาก การแรงมาแรงไป บางทีก็ไม่เวิร์ค อีกทั้งยังยังเพิ่มพูนกระแสต่อต้าน รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรเพื่อหลีกเลี่ยงกับการปะทะอารมณ์ หรือเมื่อไหร่ที่ควรจะรับมือด้วยความฉลาดทางอารมณ์
ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม
การมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาจะทำให้เกิดทัศนคติเชิงบวกได้มาก สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ และมีประสิทธิภาพ เพราะปัญหานั้นมีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีให้กลุ้ม
เปิดใจคุยกัน
การเอาความจริงในใจมาแบบนโต๊ะ แล้วเปิดอกคุยกัยเพื่อความเข้าใจ เป็นวิธีที่คลาสสิคที่สุด เบสิคที่สุด แต่ก็ทำยากที่สุดเช่นกัน วิธีนี้ช่วยลดมลภาวะของทัศนคติเชิงลบได้อย่างทันใจ และก้าวต่อไปร่วมกันอย่างเป็นสุข
ผิดเป็นครู
สิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว สามารถสอนใจเราได้เสมอ เป็นบทเรียนที่จำฝังใจ และต้องการการให้อภัย และโอกาสที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น หากเราไม่ให้อภัย ทัศนคติเชิงลบก็จะยังคงตลบอบอวล เป็นมลภาวะที่เป็นพิษกันในที่ทำงาน รอวันประทุ และสร้างความทุกข์ให้กับทุกคน ลุกลามไปไม่สิ้นสุด
จะเห็นได้ว่า 6 วิธีรับมือกับมลภาวะทางทัศนคติลบนั้นล้วนแต่เป็นวิธีรับมือด้วยทัศนคติเชิงบวก เพราะกาคิดบวกเสมือนเป็นการสร้างโอโซนให้ตัวเอง และทุกคนได้สดชื่น และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน
![[Image: eSuIfq.md.png]](https://sv1.picz.in.th/images/2023/02/27/eSuIfq.md.png)
เป็นผู้ฟังที่ดี
รับฟังทุกความคิดเห็นและทุกปัญหา เพื่อการเข้าถึงแก่นแท้ของปัญหา และค้นหาทางแก้ไข ในขณะเดียวกันก็จงอย่าเอาคำพูดที่ไม่ดีจากปากเขา มาใส่ไว้ในใจเรา ไม่เอาจิตใจของตัวเองไป ไหลไปตามทัศนคติเชิงลบนั้นไปด้วย เป็นวิธีหนึ่งในการคลี่คลายทัศนคติเชิงลบให้ลดลงไปด้วย เพราะได้ปลดปล่อยทางการพูดคุยกัน
แนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง
เสนอแนะแนวทางที่ถูกต้อง ให้คนเหล่านั้นตัดสินใจ เรียกสั้น ๆ ว่าชี้ทางสว่างให้กับเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรคาดหวังการเปลี่ยนแปลงทันที เพราะการเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติของคน ๆ นึงนั้น อาจต้องใช้เวลา เพราะว่าบางคนถูกเพาะบ่ม ความคิดเชิงลบแบบนั้นๆ มาเป็นเวลานานครับ
รู้เวลารับ เวลารุก
ทัศนคติลบนั้นไม่ได้เงียบเป็นคลื่นใต้น้ำเสมอไป บางครั้งก็ออกมารุนแรง โผงผางแบบควบคุมได้ยาก การแรงมาแรงไป บางทีก็ไม่เวิร์ค อีกทั้งยังยังเพิ่มพูนกระแสต่อต้าน รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรเพื่อหลีกเลี่ยงกับการปะทะอารมณ์ หรือเมื่อไหร่ที่ควรจะรับมือด้วยความฉลาดทางอารมณ์
ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม
การมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาจะทำให้เกิดทัศนคติเชิงบวกได้มาก สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ และมีประสิทธิภาพ เพราะปัญหานั้นมีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีให้กลุ้ม
เปิดใจคุยกัน
การเอาความจริงในใจมาแบบนโต๊ะ แล้วเปิดอกคุยกัยเพื่อความเข้าใจ เป็นวิธีที่คลาสสิคที่สุด เบสิคที่สุด แต่ก็ทำยากที่สุดเช่นกัน วิธีนี้ช่วยลดมลภาวะของทัศนคติเชิงลบได้อย่างทันใจ และก้าวต่อไปร่วมกันอย่างเป็นสุข
ผิดเป็นครู
สิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว สามารถสอนใจเราได้เสมอ เป็นบทเรียนที่จำฝังใจ และต้องการการให้อภัย และโอกาสที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น หากเราไม่ให้อภัย ทัศนคติเชิงลบก็จะยังคงตลบอบอวล เป็นมลภาวะที่เป็นพิษกันในที่ทำงาน รอวันประทุ และสร้างความทุกข์ให้กับทุกคน ลุกลามไปไม่สิ้นสุด
จะเห็นได้ว่า 6 วิธีรับมือกับมลภาวะทางทัศนคติลบนั้นล้วนแต่เป็นวิธีรับมือด้วยทัศนคติเชิงบวก เพราะกาคิดบวกเสมือนเป็นการสร้างโอโซนให้ตัวเอง และทุกคนได้สดชื่น และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน